สุขภาพจิตและการปรับตัว
คำกล่าวที่ว่า
“จิตอันสบายอยู่ในกายอันผาสุก”
มีความเป็นจริงอยู่มากทีเดียว
เมื่อใดร่างกายเจ็บปวด
เรามักมีอารมณ์หงุดหงิด
คิดสิ่งใดไม่ค่อยออก
และถ้าจิตเศร้าหมองกินไม่ลงนอนไม่หลับ
ร่างกายทรุดโทรมเห็นได้ชัด
ในบางครั้งอาจมีโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
สุขภาพที่เปลี่ยนไป
เราสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าสุขภาพจิต
ยิ่งกว่านั้นเครื่องมือทางการแพทย์ในปัจจุบันช่วยให้การศึกษาสุขภาพกายได้ง่ายขึ้น
ส่วนสุขภาพจิตที่ดีเราพอจะตรวจสอบ
โดยอาศัยข้อสังเกตพฤติกรรมบางประการดังนี้คือ
ผู้ที่มีสุขภาพจิตที่ดี
1.
มีปรัชญาชีวิต2.
มีความจริงใจต่อผู้อื่น 2.
สามารถเผชิญกับความจริง 3.
มีอารมณ์ขัน 4.
นับถือตนเองและผู้อื่น 5.
มีความกระตือรือร้นในชีวิตไม่เบื่อหน่ายท้อแท้ 6.
มีเป้าหมายที่อยู่ในแนวความสามารถของตัวเอง 7.
มีความสนใจกว้างขวาง 8.
ใช้ศักยภาพของตนเต็มที่ในการทำงานและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ 9.
เป็นผู้รู้จักหาประโยชน์จากประสบการณ์และหมั่นแสวงหาความรู้เพื่อปรับปรุงความสามารถของตนเอง
ฯลฯ
สำหรับสุขภาพจิตไม่ดี
ซึ่งมีอาการทางโรคจิตที่พอจะทราบได้จากลักษณะอาการโรคดังต่อไปนี้
- Paychoses แบ่งออกเป็น Schizophrenic reaction,Manic Depressive reaction,Paychosoma-tic disorder ฯลฯ
- Neuroses แบ่งออกเป็น Conversion react-ion, Obsessive Compulsive, Phobic Reaction, Anxiety Reaction
เมื่อคนเรามีปัญหาหรืออุปสรรค
โดยปกติคนจะหาทางแก้ไขหรือเอาชนะอุปสรรคนั้นๆ
ในทางด้านร่างกายมีระบบที่ใช้กลไกต่างๆ
ซึ่งเป็นอวัยวะในการปรับตัว
เช่น เมื่ออากาศหนาว
ร่างกายถูกกระตุ้นให้สั่นสักครู่
ความรู้สึกหนาวจะทุเลา
แต่ทางด้านจิตใจนั้น
อาศัยกลไกทางจิตใจการปรับตัวซึ่งรู้จักกันในนาม
“Defense
Mechanism” คือวิธีการทีบุคคลพยายามรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง
และพยายามขจัดความวิตกกังวลใจหรือความไม่สบายใจต่างๆ
ทั้งระดับ Conscious
และ
Unconscious
พฤติกรรมที่แสดงออกมีมากมายหลายแบบดังจะกล่าวพอสังเขปคือ
- Rationalization ได้แก่ การหาเหตูผลที่สังคมยอมรับ ทำนององุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน
- Compensation เป็นพฤติกรรมชดเชยสิ่งที่ตนเองไม่มีหรือเป็นปมด้อย เช่นเรียนไม่เก่ง หันไปเอาดีทางกีฬาซึ่งเป็นการหักเหความสนใจออกจากข้อบกพร่องของตนด้วย
- Identification เป็นการทำตนให้เป็นส่วนหนึ่งของพวกพ้อง เช่น เอาตราโรงเรียนหรือสถาบันต่างๆมาติดกระจกรถยนต์
- Repression เป็นการเก็บกดความรู้สึกต่างๆ เช่น โกรธเพื่อนแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ ตัวเองต้องหวานอมขมกลืนไปเรื่อยๆ
- Regression เป็นพฤติกรรมถดถอยไปสู่อดีต เช่น ไม่ได้ดั่งใจปรารถนาก็จะกระทืบเท้า ซอยเท้า เหมือนที่เคยทำสมัยเด็กๆ
- Reaction Formation เป็นการซ้อนเร้นความรู้สึกที่แท้จริง และพยายามแสดงออกในรูปแบบที่สังคมยอมรับ เช่น มนชายเกลียดมานวิกาแต่เวลาเจอกันต่อหน้าผู้
อื่น
มนชายแสดงทำทีเป็นมิตรสนิทสนมมาก
ตรงกันข้ามกับจิตใจที่กำลังด่าทอหรือแช่งชักหักกระดูก
ฯลฯ
การใช้
Defense
Mechanism เหล่านี้
แม้จะไม่ใช่เป็นการป้องกันหรือแก้ปัญหา
แต่ก็จะเป็นการยืดเวลาในการแก้ปัญหา
และเป็นการช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจนกว่าจะหาหนทางแก้ปัญหาได้
บางครั้งช่วยให้เกิดความสร้างสรรค์ขึ้นในสังคมด้วยซ้ำไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น